ชอบตัวนี้มากกว่า Highbeam เพราะสีมันดู goldๆ เหมาะกับคนผิวสีแทน ผิวสองสีมากกว่าค่ะ
ใช้ดี ถ้าเกลี่ยดีๆจะดูเป็นธรรมชาติ แต่มันเกลี่ยไม่ค่อยจะง่ายเนี่ยสิ ส่วนตัวคิดว่า Becca ใช้ง่ายกว่าค่ะ
glitters เยอะมากเกินความจำเป็น ไม่เหมาะกับกลางวัน แต่ถ้าใช้ก่อนไปปาร์ตี้นี่ใช้ได้เลย ถ้าไม่เน้นความเป็นธรรมชาติ
toner อันนี้อารมณ์เหมือนพวก emulsion ของเกาหลีหรือ moist lotion ของญี่ปุ่นมากกว่าที่จะเอามาเช็ด"ทำความสะอาดผิว"หลังล้างหน้า เพราะเป็น toner ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้ดีมาก เทออกมาอาจดูเหนอะๆหน่อย แต่ซึมซับได้ดี ใครหน้าแห้งๆแล้วอยากลองใช้ตัวนี้ แนะนำค่ะ
ที่ให้แค่ 3 เพราะไม่มีสีที่เป๊ะกับสีผิว ซื้อ Barcelona ก็เข้มไป ซื้อ Stromboli ก็อ่อนไป เลยต้องเอา Stromboli ไปผสมกับ Armani Luminous Silk Foundation สี 6.5 ที่มี เนื้อรองพื้นทาออกมาค่อนข้าง full coverage ทาไม่โปรพอจะออกมาดูแล้วโบ๊ะหน้ามาก ถ้าคนผิวมันใช้ตัวนี้ พอตกบ่ายหน้าจะมันเยิ้มมากค่ะ แต่ถ้าผิวแห้งหน่อยจะใช้ได้ดีกว่า ส่วนตัวถ้าหมดคงไม่ซื้อต่อ แต่กว่าจะหมดเนี่ยสิ....
เป็นคนนึงที่ขาด toner ไม่ได้ ไม่ใช้ toner เช็ดหน้าหลังล้างหน้าจะรู้สึกว่าหน้าไม่ค่อยสะอาด ตัวนี้ของ Nuxe ใช้มาเป็นขวดที่สองแล้วค่ะ ราคาค่อนข้างโอเค เพราะใช้ได้หลายเดือนมาก มีส่วนผสมของ hyaluronic acid และ witch hazel ใช้แล้วไม่แพ้ และปรับสภาพผิวหน้าก่อนทาครีมได้ดี คงจะใช้ต่อไปเรื่อยๆ
ใช้ตัวนี้ในวันที่ต้องการความรู้สึกเบาๆให้กับหน้า แฮ้ปปี้ตรงจุดนั้นมากค่ะ เสียที่ว่าสีมันไม่ค่อยตรงกับสีผิว เบอร์ 6.5 จะออกชมพูๆ และเข้มไปนิดสำหรับผิวเรา เลยต้องเอารองพื้นของ Nars Stromboli มาผสม ให้ออกมาเหลืองๆหน่อย แต่หมดขวดนี้คงไม่ซื้อต่อค่ะ
เริ่มใช้ขวดแรกแล้วติดใจ ใช้เกือบทุกวัน เช้า-เย็นในช่วงที่หน้าไม่แห้งมาก (เพราะถ้าแห้งมากตัวนี้เอาไม่อยู่ค่ะ) ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ ที่สำคัญคือ ส่วนผสมส่วนใหญ่มาจากธรรมชาติทำให้สบายใจในการใช้มากขึ้น ไม่แน่ใจว่าจะช่วยด้าน anti aging จริงรึเปล่า แต่ถ้าผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอก็คงจะเหี่ยวช้าลงหน่อย :)
ดีสมตามรีวิวค่ะ มันเป็น exfoliator ช่วยผลัดผิว เพราะมีกรด Glycolic (AHA) ใช้สลับกับการใช้ Clarisonic และ โทนเนอร์อื่นๆ คิดว่าไม่ควรใช้ทุกคืนเพราะอาจจะทำให้หน้าแห้งเกินไปค่ะ ส่วนตัวชอบมาก ไม่ระคายเคืองต่อผิว ใช้ตอนกลางคืน ตื่นมาผิวหน้าดูสว่างสดใส เหมือนมันผลัดผิวให้จริงๆ ใช้ง่าย พกพาสะดวก ใช้หมดกระปุกนี้ก็จะซื้อต่อค่ะ
ส่วนตัวซื้อมาใช้กับตัว ไม่ได้ใช้กับหน้าค่ะ รู้ว่ามันดีจริงก็ตอนที่แพ้ยุง เป็นรอยแผลเป็นตรงขาหลายจุดมาก หาหมอทายาก็ไม่หาย เลยเอาตัวนี้มาทาเห็นว่าเป็นนำ้ผึ้ง ทามันไปเรื่อยๆ ทามั่ง ลืมมั่ง แผลเป็นที่ยุงกัดจางงงงลง ตะลึงมาก ตอนใช้แรกๆก็ไม่ได้หวังอะไรมากมาย ตอนนี้เลยขนซื้อมาอีก 2-3 กระปุก ทำให้เชื่อประโยชน์ของน้ำผึ้งไปเลย
ลองใช้ highlighter ของ Benefit Highbeam, Watt's up, highlight palette ของ Sleek และของยี่ห้อเกาหลีอันนึง สรุปยังไงๆก็ต้องจบที่ Becca เพราะของเค้าดีที่สุด ใช้ง่าย ได้ทั้งกลางวันและ กลางคืน ทาแล้วไม่เป็น glitters ค่ะ
ใช้ตอนแรกด้วยการทาทั่วหน้าก่อนนอนสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ใช้ไปได้ไม่กี่ครั้ง เหมือนมันแรงไปสำหรับผิวเราเลยหยุดไปสักพัก ตัวนี้มีกรด Glycolic เป็นหลัก เลยเอามาลองแต้มแค่จุดที่เป็นสิวแทน ตื่นขึ้นมาสิวยุบ!! ตอนนี้สรุปว่าใช้เป็นยาแต้มสิวแทนค่ะ ดีมากๆๆๆ ราคาไม่ถูก แต่พอคิดว่าคงจะใช้ไปเป็นปีๆกว่าจะหมดแล้วสิวยุบนี่คุ้มจริงๆ
ลองซื้อตัวนี้มาใช้เพื่อจะสร้างความวาวให้กับใบหน้า ซื้อมาใช้ครั้งแรกทาเป็น base ก่อนลงรองพื้น ไม่รู้สึกว่าทำอะไรให้กับหน้าเลยซักนิด เลยหยุดใช้ไปหลายเดือน เพิ่งกลับมาลองใช้ใหม่... คราวนี้วิธีเป็นเอามาผสมกับรองพื้นเพื่อให้เกลี่ยง่ายขึ้น แล้วใช้ฟองน้ำของ real technique (ฉีดน้ำใส่นิดหน่อย) เห็นความวาวๆบนใบหน้านิดนึง แต่ที่ชอบมากคือทำให้ทารองพื้นง่ายขึ้น และทำให้รองพื้นดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นค่ะ พอใจละ ไม่ซื้อมาเสียของ ปล เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางทีไม่ใช่ของมันไม่เวิร์ค แต่เราใช้มันไม่เป็นต่างหาก :x
เว็บไซต์นี้มีการเก็บ Cookies เพื่อปรับปรุงการให้บริการ จิ้มดู นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติม