daisy

REVIEW

รักมาก~ ใช้ง่าย ใช้ 4 สีเลย 01 Extream Black 02 Henna Brown 03 Royal Blue 04 Salmon

สีที่ใช้บ่อยสุดคือ 02 กะ 04
02 Henna Brown ใช้เขียนขอบตา ชอบเพราะเขียนง่าย สีดูเป็นธรรมชาติ ช่วงบ่ายมีแพนด้ามาใต้ตาช่วงหางตานิดหน่อยเพราะเราหนังตามันแถมชั้นตาหลบในอีก เนื้อนิ่ม เขียนง่าย เวลาเขียนอาจต้องลงน้ำหนักมือนิดนึงไม่งั้นเส้นจะขาด เวลาล้างออกจะแอบล้างยากนิดนึงโดยเฉพาะตรงโคนขนตา

04 Salmon เป็นสีสารพัดประโยชน์สำหรับเรา ด้วยความที่มันเป็นสีเบจอ่อน ๆ มีชิมเมอร์นิด ๆ เราเลยใช้หลายอย่างมาก ทั้งเขียนหัวตาให้ดูตาโต เขียนอินเนอร์ขอบตาล่างเพื่อลบรอยแดงที่ตา เขียนกลางขอบปากบน&ล่างเพื่อให้ปากดูอิ่มขึ้น เนื้อนิ่ม เขียนง่าย แต่อาจจะติดไม่ทนมาก เวลาเขียนอินเนอร์อาจจะสีออกไม่ชัดเท่าไหร่ต้องย้ำ ๆ หน่อย

01 Extream Black สีเข้มมาก เนื้อนิ่ม เขียนง่าย แต่ไม่ค่อยได้ใช้เพราะแบบอื่นที่ซื้อมายังไม่หมด

03 Royal Blue สีน้ำเงินเข้ม สีสดมาก เป็นสีที่ดูแต่ง everyday look ยากเลยไม่ค่อยได้ใช้ เนื้อนิ่ม เขียนง่าย สีชัด แต่ต้องเตรียมหนังตาดี ๆ อย่าให้มัน ไม่งั้นจะแพนด้าทันที
8 years ago
ชอบที่รุ่นนี้มีหลายสี ทำให้สามารถนำไปใช้แต่งตาได้หลากหลาย (เราอ้อนให้แม่ซื้อมาให้ตอนแม่ไปเกาหลีเพราะ Etude Shop ที่ไทยไม่นำเข้ามาวางขายค่ะ)

ถ้าทาเยอะเกินไป อายไลเนอร์จะจับกันเป็นก้อน ยิ่งเวลาทาหัวตายิ่งดูเหมือนขี้ตา เพราะฉะนั้นเวลาที่เราทา เราจะปาดหัวพู่กันกับปากขวดก่อนให้มีเนื้ออายไลเนอร์ติดที่ปลายพู่กันแต่น้อยแล้วค่อยทา เวลาทาหัวตาเราจะรีบใช้นิ้วมือช่วยเกลี่ยก่อนที่อายไลเนอร์จะแห้ง ทำให้ดูเป็นประกายวาว ๆ ที่หัวตาแบบกำลังพอดี ไม่เยอะเกินไป ช่วยให้ตาดูโตขึ้นโดยไม่เห็นเป็นวิ้งมาก

ถ้าอยากเขียนเป็นเส้นขอบตา ต้องค่อย ๆ ใช้วิธีจิ้มแตะเป็นจุด ๆ ต่อเนื่องกันไปแล้วปล่อยให้แห้ง (วิธีนี้ได้มาจากการแจ่งหน้าตามโพนี่ค่ะ) ใช้วิธีลากเป็นเส้นทีเดียวไม่ได้เพราะสีจะไม่สม่ำเสมอ พอเติมเพิ่มหัวพู่กันจะไปลากสีที่ลงไว้ก่อนหน้าให้หลุดติดมาอีก จะยิ่งแหว่งกว่าเดิม

หากทาหนา ๆ ระหว่างวันจะหลุดออกมาเป็นแผ่น (โดยเฉพาะบริเวณที่โดนน้ำตาหรือมีน้ำในตาไหลออกมาโดน) ยิ่งทามากยิ่งระคายตามาก เวลาล้างต้องใช้สำลีก้านชุบอายรีมูฟเวอร์ค่อย ๆ เช็ด ไม่อย่างนั้นจะเหลือกลิตเตอร์ขนาดใหญ่เว่อร์ตามแนวขนตา
8 years ago
เป็นไอเท็มแรกที่ทำให้เราสนใจอยากใช้ Etude House
เป็นเครื่องสำอางที่ใช้บ่อยมาก ทั้งแต่งหน้ากลางวันและแต่งหน้ากลางคืนก็ใช้ได้หมดเลย
แต่เวลาใช้แต่งตาตอนกลางวันต้องใช้แต่น้อย ไม่งั้นจะดูตาวิ้งเว่อร์เกินไป

ถ้าทาเยอะเกินไป อายไลเนอร์จะจับกันเป็นก้อน ยิ่งเวลาทาหัวตายิ่งดูเหมือนขี้ตา เพราะฉะนั้นเวลาที่เราทา เราจะปาดหัวพู่กันกับปากขวดก่อนให้มีเนื้ออายไลเนอร์ติดที่ปลายพู่กันแต่น้อยแล้วค่อยทา เวลาทาหัวตาเราจะรีบใช้นิ้วมือช่วยเกลี่ยก่อนที่อายไลเนอร์จะแห้ง ทำให้ดูเป็นประกายวาว ๆ ที่หัวตาแบบกำลังพอดี ไม่เยอะเกินไป ช่วยให้ตาดูโตขึ้นโดยไม่เห็นเป็นวิ้งมาก

ถ้าอยากเขียนเป็นเส้นขอบตา ต้องค่อย ๆ ใช้วิธีจิ้มแตะเป็นจุด ๆ ต่อเนื่องกันไปแล้วปล่อยให้แห้ง (วิธีนี้ได้มาจากการแจ่งหน้าตามโพนี่ค่ะ) ใช้วิธีลากเป็นเส้นทีเดียวไม่ได้เพราะสีจะไม่สม่ำเสมอ พอเติมเพิ่มหัวพู่กันจะไปลากสีที่ลงไว้ก่อนหน้าให้หลุดติดมาอีก จะยิ่งแหว่งกว่าเดิม

หากทาหนา ๆ ระหว่างวันจะหลุดออกมาเป็นแผ่น (โดยเฉพาะบริเวณที่โดนน้ำตาหรือมีน้ำในตาไหลออกมาโดน) ยิ่งทามากยิ่งระคายตามาก เวลาล้างต้องใช้สำลีก้านชุบอายรีมูฟเวอร์ค่อย ๆ เช็ด ไม่อย่างนั้นจะเหลือกลิตเตอร์ขนาดใหญ่เว่อร์ตามแนวขนตา
8 years ago
เป็นอายไลน์เนอร์ที่ไม่ทนอากาศร้อนเลย
ไม่ต้องเขียนลงบนขอบตา ขนาดอยู่ในแท่ง แค่เจออากาศร้อนก็ละลายแล้ว เราซื้อมา 2 สีคือดำกับขาว กะเอาสีดำมาเขียนขอบตาบน แล้วเอาสีขาวมาเขียนขอบตาล่างด้านใน ผลปรากฏว่าเนื้ออายไลเนอร์นิ่มจนใช้เขียนขอบตาไม่ได้เลย เขียนปุ๊บก็จะหักเป็นก้อน ๆ ออกมาแล้วเหลาก็ไม่ได้ สุดท้ายเลยจำต้องโยนทิ้งไปทั้งที่ยังไม่ได้ใช้แต่งหน้าเลยสักลุค ดีที่ซื้อมาในราคาที่ถูกมาก (เสียดายตอนนั้นน่าจะเก็บไว้ลงที่เปลือกตาแล้วเบลนด์เป็นเบสห่อนแต่งตาหรือทำสโมกกีัอายส์ เชื่อว่าน่าจะเวิร์กเพราะเนื้อนิ่ม น่าจะเบลนด์ง่าย)
8 years ago